Lambretta J200 Starwave EICMA 2024 (1)

Lambretta J200 2025 สกู๊ตเตอร์สไตล์อิตาลีคลาสสิกที่ยังคง DNA ของ Lambretta เอาไว้

Lambretta J200 2025 กับดีไซน์ใหม่ โดยใช้ชื่อ Starwave คือ รถสกู๊ตเตอร์ที่เป็นแนวคลาสสิกรุ่นใหม่กับการเปิดตัวในงาน EICMA เมื่อปี 2024 ที่ผ่านมา ช่วงนี้กลับมาเป็นกระแสอีกครั้ง หลายๆ คนเริ่มมีการพูดถึงและมีรูปจากต่างประเทศออกมามากขึ้น รถรุ่นนี้ถูกผลิตออกมาเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 60 ปีของรุ่น J-series ในอดีต

ก่อนจะมาพูดถึง J200 ในปัจจุบันเรามานั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไปในอดีตอีกครั้ง โดยครั้งนี้เราจะย้อนกลับไปในปีที่เริ่มต้นของ J Series

Lambretta J Series สกู๊ตเตอร์แห่งความเรียบง่ายแต่แฝงจิตวิญญาณยุค 60’s

เราจะนั่งไทม์แมชชีนมาในช่วงทศวรรษ 1960 โลกของสกู๊ตเตอร์กำลังจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว Lambretta แบรนด์จากอิตาลีได้เริ่มต้นยุคใหม่โดยการเปิดตัวรถสกู๊ตเตอร์ตระกูล J Series ออกมาเป็นครั้งแรก

ในการออกแบบครั้งนั้นจะเน้นความกะทัดรัดเพื่อตอบโจทย์ต่อการขับขี่ของคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิงและคนเมืองต้องการความคล่องตัว น้ำหนักเบา และดีไซน์ยังคงความเป็น Lambretta เอาไว้

Lambretta Cento จุดเริ่มการเดินทางของตำนาน J Series

Lambretta Cento เป็นโมเดลแรกในตระกูล J ที่เริ่มต้นผลิตขึ้นในช่วงปี 1963-1966 โดยในตอนนั้นใช้โครงสร้างแบบเหล็กปั๊มขึ้นรูป ให้ความแข็งแรงแต่น้ำหนักเบา มาพร้อมเครื่องยนต์ 98cc เกียร์ 3 สปีด ในรุ่นนี้มีความโดดเด่นคือการออกแบบที่คำนึงถึงการใช้งานของผู้หญิง เป็นหลัก เพียงเขี่ยสตาร์ทเบาๆ ก็สามารถติดเครื่องได้ทันที น้ำหนักที่เบาทำให้ยกขึ้นหรือลงจากขาตั้งได้อย่างง่าย

Lambretta Cento

สำหรับรุ่นนี้มาพร้อมเบาะแยกสองตอน ก่อนที่จะเปลี่ยนมาใช้แบบเบาะยาวเพื่อความสะดวกสบาย ระบบกันสะเทือนหลังแบบ สปริงขดพร้อมโช้กอัพแยกต่างหากส่วนใต้เบาะมีช่องเก็บของและถังน้ำมัน มาตรวัดความเร็วรวมถึงไฟหน้าจะอยู่ที่แฮนเบาร์ ซึ่งรุ่นนี้ถูกผลิตเพียง 3 สีเท่านั้น

Lambretta J125 สกู๊ตเตอร์รุ่นที่ 2 ของ J Series

ถัดจากรุ่น Cento เป็น Lambretta J125 ถูกผลิตขึ้นในช่วงปี 1964-1966 ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยยังคงรูปทรงคล้าย Cento เอาไว้แต่มีการเพิ่มรายละเอียดด้านวิศวกรรมและการใช้งาน ตัวถังเป็นแบบเหล็กปั้นขึ้นรูปแบบเดียวกับรุ่นแรก แต่มีความโดดเด่นด้วยแผงด้านข้างและบังโคลนที่สามารถถอดออกได้ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการซ่อมบำรุง

รูปจาก https://www.evoke-classics.com/auction/1966-lambretta-j125-starstream/

ส่วนแผ่นบังขาด้านหน้า (Leg shields) ถูกออกแบบให้รวมเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างรถ คล้ายๆ กับรุ่น Vespa

เบาะนั่งของ J125 ได้มีการออกแบบให้แยกเป็น 2 ตอน พร้อมดีไซน์ที่สะท้อนความเรียบหรูแบบอิตาลีในยุคกลางทศวรรษ 1960 ได้อย่างสมบูรณ์

Lambretta J50 เรียบง่ายแต่สง่างาม

Lambretta J50 เป็นอีกหนึ่งรุ่นในตระกูล J Serires ที่ถูกผลิตขึ้นในปี 1964-1968 ซึ่งก็ยังคงขนาดที่เล็กและน้ำหนักเบายิ่งกว่า Cento  รูปลักษณ์โดยรวมยังคงใกล้เคียงกับรุ่นก่อนๆ แต่ได้มีการลดพละกำลังของเครื่องยนต์ลดลงเล็กน้อย เพื่อให้เหมาะกับผู้ขี่มือใหม่และผู้หญิง

Lambretta J50

รูปจาก https://www.handh.co.uk/auction/lot/lot-101—1971-lambretta-j50-special/?lot=55428&sd=1

พื้นวางเท้า(Floor Board) มีแถบกันลื่นพลาสติก 4 เส้น แต่ไม่มีแถบตรงกลาง J50 ใช้ล้อขนาด 9 นิ้ว ในแผ่นพับโฆษณาในยุคนั้น โช้กอัพด้านหลังไม่ได้ถูกแสดงไว้ในภาพ ในรุ่นที่จำหน่ายในอิตาลี จะไม่มีมาตรวัดความเร็ว

ต่อมาในปี 1966 ได้มีการเปิดตัว Lambretta J50 เวอร์ชันเกียร์ 4 สปีด ทำให้อัตราเร่งดีกว่าและประหยัดน้ำมันมากขึ้น

ในรุ่นนี้ถูกผลิตออกมา 38,967 คัน ก่อนจะสิ้นสุดการผลิตในปี 1968 ซึ่งถือว่าสิ้นสุดยุค J Series นับเป็นอีกหนึ่งหลักฐานของความนิยมที่ Lambretta ยังคงรักษาไว้ได้ แม้ในยุคที่ตลาดสกู๊ตเตอร์เริ่มเปลี่ยนทิศทางไปสู่การออกแบบที่ทันสมัยยิ่งขึ้น

Lambretta J200 ดีไซน์ใหม่ทันสมัย เรียบหรู

รุ่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจแบบ Starwave ที่มาพร้อมกับดีไซน์ที่ผสมผสานความเป็นคลาสสิกของ Lambretta ตัวรถด้านข้างทรงสี่เหลี่ยมยาวที่สะท้อนดีไซน์และ DNA ความเป็น Low&Long

Lambretta J200 Starwave EICMA 2024 (1)

รูป J200 จาก https://www.eicma.it

ไฟ LED แบบเต็มระบบ พร้อมไฟส่องสว่างรอบคัน ดีไซน์ไฟหน้าทรงหกเหลี่ยมซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่เห็นได้ตั้งแต่ V125

สเปกคร่าวๆ ของ Lambretta J200

  • เครื่องยนต์ 1 สูบ 4 จังหวะ 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยของเหลว
  • ความจุ 174.5cc
  • แรงม้า 17 แรงม้า แรงบิด 15.5 นิวตันเมตร
  • ระบบกันสะเทือนหลังแบบคู่ สามารถปรับพรีโหลดได้ 5 ระดับ

สรุป เสน่ห์ของความเรียบง่ายของตระกูล J Series

ตระกูล Lambretta J Series เป็นมากกว่าสกู๊ตเตอร์แต่มันคือสัญลักษณ์ที่บ่งบอกสไตล์ความเป็นตัวคุณ ออกแบบมาเพื่อทุกคน และสำหรับ  J200 ที่มีการเปิดตัวไปในงาน EICMA 2024 เรียบร้อย ส่วนจะนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยเมื่อไหร่นั้น และหน้าตาจะมีเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน อาจจะต้องติดตามกันต่อไป 

Related posts

คุยกับเราผ่านทาง SOCIAL MEDIA

Follow Us

สนใจออกรถ Lambretta กับเรา