ถ่ายทอดความคลาสสิคมาสู่ Lambretta V200 Stype

จากรุ่นพี่ Lambretta sx200 สู่ v200 Stype

กลับมาแล้วห่างหายจากการเขียนบทความของ Lambretta ไปตั้งนานมาวันนี้เราจะมาพูดถึง Lambretta V200 Stype ที่เพิ่งเปิดตัวไปในงาน Motor Expo 2019 จะมีประวัติและความน่าสนใจมากแค่ไหนงั้นเราไปอ่านกันเลย

ปัดฝุ่นความเก่าเอาออกมาเก๋า

ยังคงเป็นเรื่องที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเกี่ยวกับการเล่าขานความเป็นตำนานในรถจักรยานยนต์แต่ละรุ่น แต่ละสมัย ที่ยังบ่งบอกถึงสมัยนิยมของรถจักรยานยนต์ในแต่ละยุค ว่าในยุคนั้นมีการผลิตรถรุ่นไหนขึ้นมาจนได้รับความนิยม และถูกกล่าวขานมาถึงยุคปัจจุบัน จนทำให้ต้องมีการนำรถจักรยานยนต์รุ่นนั้นๆ มาปัดฝุ่นใหม่เพื่อปลุกมันขึ้นมาอีกครั้ง ถึงแม้ในปัจจุบันรถจักรยานยนต์จะมีการพัฒนาเรื่องเทคโนโลยีมาอย่างมากมาย แต่ก็ยังมีอีกมุมหนึ่งของผู้ที่รักและหลงใหลในเรื่องราวของความเป็นตำนานในรถจักรยานยนต์รุ่นนั้นๆ กันอยู่

รถจักรยานยนต์อีกประเภทหนึ่งที่ยังได้รับสืบทอดตำนานมาอย่างต่อเนื่องก็คือ ‘รถสกู๊ตเตอร์’ ยุคหนึ่งเคยได้รับความนิยมอย่างมาก และสกู๊ตเตอร์ในแบรนด์ของ Lambretta ก็เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่มีการกล่าวขานและสานต่อความเป็นสกู๊ตเตอร์มาจนถึงทุกวันนี้ และการกลับมาของแลมเบรตต้ายังได้ยึดฐานที่มั่นในประเทศไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์ในการเปิดตัวรถสกู๊ตเตอร์รุ่นใหม่ๆ ที่จะมาสานต่อความเป็นตำนานอีกครั้ง

เปิดตัว v200 stype ครั้งแรกในไทย

และเมื่อไม่นานมานี้ในงาน Motor Expo 2019 ครั้งที่ 36 ที่ผ่านมา ประเทศไทยได้เปิดประตูต้อนรับกับรถสกู๊ตเตอร์ระดับตำนานอีกหนึ่งรุ่นนั้นก็คือ Lambretta V200 Specal Stype กันอีกหนึ่งรุ่น และในรุ่นนี้ก็ถือได้ว่าเป็นรุ่นที่เคยได้รับความนิยมอย่างมากในยุคนั้น และมีการสานต่อความนิยมมาจากสกู๊ตเตอร์รุ่นพี่อย่าง Lambretta SX200

ก่อนที่จะไปรู้จักกับ  Stype ลองมาดูต้นกำเนิดกันสักหน่อย เพราะก่อนที่จะมาเป็น SX200 ก็ต้องย้อนไปถึงต้นกำเนิดอย่าง Lambretta Li Special 150, 125 และ TV200 มาก่อนและเมื่อถึงเวลาก็ถูกยกเลิกการผลิตไป จน Lambretta SX ได้ถูกเปิดตัวอีกครั้งในวันที่ 26 พฤศจิกายน 1966 ที่มิลาน ประเทศอิตาลี อย่างเป็นทางการโดยที่ SX200 นั้นกลับถูกใจสายที่ชื่นชอบความเร็ว

เพราะด้วยสมรรถนะความเร็วที่สามารถตอบสนองความต้องการของนักแข่งได้ดี จนทำให้ บริษัท สเปน Serveta ได้ขอสิทธิ์ในการผลิตของ SX200 ขึ้นในปี 1966 เช่นเดียวกัน ทำให้แลมเบรตต้าได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้จะได้รับอนุญาตในการผลิต แต่ก็ทำทุกอย่างตามคุณภาพของบริษัทแม่กำหนด โดยเฉพาะโลโก้ที่ยังคงเป็นเอกลักษณ์ของ ‘Special X200’ และโลโก้ SX200 รุ่นต่อมามีตรา ‘Jet 200’ ภายใต้เครื่องหมาย ‘Lambretta’ รุ่นต่อมาได้มีการย้ายตัวกรองอากาศไปที่กล่องเครื่องมือ

ภาพจาก https://cdnb.artstation.com/p/assets/images/images/005/269/489/large/william-weimer-lambretta-010.jpg?1489773395

การออกแบบ SX150

ในด้านการออกแบบ SX150 นั้นก็มีการพัฒนามาจากรุ่น Li Special 150 โดยได้มีการเปลี่ยนแปลงตัวช่องลมเป็นแบบโครเมียมให้มีความกลมกลืนไปกับบังโคลนหน้า นอกจากนั้นยังได้มีการเลือกใช้ตัวถังพิเศษของ Li ที่มีความแข็งแรงและแยกออกจากตัวบังลมด้านหน้า ที่สำคัญในเรื่องของพละกำลังนั้น อัตราเร่งของเครื่องยนต์และเกียร์ ที่ได้รับการพัฒนาให้มีกำลังมากขึ้นจากเดิมของ Li150 Special โดยได้ออกแบบใหม่ จนทำให้มีกำลังแรงม้าถึง 9.38 แรงม้า และสามารถทำความเร็วสูงสุดที่ 56 ไมล์ต่อชั่วโมง ส่วน SX200 มีการออกแบบด้านข้างใหม่พร้อมกับการดึงเอาความเป็นเอกลักษณ์ออกมาอย่างโดดเด่น ระบบดิสก์เบรกหน้าที่ให้ความปลอดภัยขึ้น ส่วนเครื่องยนต์ได้รับการดัดแปลงอย่างหนักสำหรับ SX200 เหนือกว่า TV200 มากถึง 11 แรงม้า

ชุดสีที่มีเอกลักษณ์

เรื่องของสีเองก็เช่นกัน SX150 มาในชุดสีของ Spring Gray หรือ Apple Green และชุดสุดท้ายมาใน White Thorn และตัวถังภายในถูกฉีดสี New White ในตลาดต่างประเทศ แผงด้านข้างมีสีแดงและน้ำเงิน SX200 มาใน New White เมื่อเปิดตัวครั้งแรกและจากนั้น White Thorn สำหรับแบทช์สุดท้าย มีสีแดง, น้ำเงิน, เขียว, ทอง, ม่วงและดำ ที่นั่งสำหรับ SX150 เป็นสีดำในขณะที่ SX200 มาพร้อมกับที่นั่งสีแดง

และนี้ก็เป็นประวัติความเป็นมาแบบย่อๆ ที่เอามาให้ทราบถึงความเป็นสำหรับ Lambretta V200 Specal Stype ที่มีการถ่ายทอดรถยอดนิยมมาอย่างต่อเนื่อง

เมื่อไม่นานมานี้ประเทศไทยก็ได้สัมผัสกับรถที่มีการสืบทอดประวัติมาอย่างยาวนานด้วยการเปิดตัวรถรุ่น V200 Stype ในครั้งนี้ ถือเป็นความพิเศษอีกรุ่นหนึ่งในซีรี่ย์ V-Special สำหรับการออกแบบรถรุ่นนี้ ได้มีการสืบทอดรถในตำนานที่เคยสร้างชื่อเสียงมาแล้วจากในอดีตอย่าง SX200 โดยได้มีการหยิบยกความคลาสสิคนี้มาไว้ใน V200 Stype ที่มีความโดดเด่น เอกลักษณ์ของบังโคลน แบบ “Fix Fender” แลมเบรตต้ายังอัดแน่นไปด้วยพลังเครื่องยนต์ขนาด 168.9 ซี.ซี. มีกำลังแรงม้าสูงสุดถึง 13 แรงม้า ที่รอบเครื่องยนต์ 7,500 รอบต่อนาที มีแรงบิด 12.5 นิวตันเมตรที่รอบเครื่องยนต์ 5,500 รอบต่อนาที จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดแบบอิเล็กทรอนิกส์ ที่สำคัญค่าไอเสียผ่านค่ามาตรฐานระดับ Euro 4 เรียบร้อย

Lambretta V200 Special มีการดีไซน์ในส่วนของช่องลมที่ช่วยลดความร้อนได้ดี ส่วนโครงด้านใน Lambretta V200 Special ใช้เหล็กที่มีความแข็งแรง แต่ยังคงมีน้ำหนักที่เบาเพียง 134 กิโลกรัม ช่วงล่างด้านหน้ายังเป็นระบบตะเกียบคู่เทเลสโคปิก ส่วนโช้คหลังเป็นคู่คอยล์สปริง ตัวเรือนไมล์เป็นระบบ Liquid Crystal Display (LCD) ไฟหน้าและไฟท้ายเป็น LED ส่องชัดเจนมากขึ้น และนี่คือความเปลี่ยนแปลงที่พร้อมจะให้ทุกคนได้มารู้จักกันมากขึ้นนั้นเอง เกือบลืมในการเปิดตัวครั้งนี้ทางผู้ผลิตได้เปิด ราคา lambretta v200 stype ไว้ 104,500 บาท

Related posts

คุยกับเราผ่านทาง SOCIAL MEDIA

Follow Us

สนใจออกรถ Lambretta กับเรา