Lambretta Model M (A) 125

หลังจากที่ Lambretta ได้เข้ามาเปิดตัวในประเทศไทยจนเป็นที่รู้จักกันไปทั่วประเทศ เชื่อว่าหลายคนก็ได้รู้จักความเป็นมาของรถระดับตำนานอย่าง Lambretta กันไปเยอะแล้ว รวมทั้งหลายคนยังได้เป็นเจ้าของรถระดับตำนานกันไปไม่น้อยแล้วเหมือนกัน หลังจากที่หลายคนใจจดใจจ่อรอสัมผัสกับความเป็น Lambretta กันมาพอสมควร นอกเหนือจากเรื่องของความเป็นรถสกู๊ตเตอร์ในระดับตำนานแล้ว ในอีกแง่มุมหนึ่งของประวัตศาสตร์ก็ไม่ได้จบเพียงแค่เรื่องของการกล่าวขานความเป็นรถระดับตำนานเพียงเท่านั้น แต่ในประวัติศาสตร์ยังมีเรื่องของมุมต่างๆ ได้ค้นหาและทำความรู้จักกันมากขึ้นและนั้นก็จะยิ่งเป็นการทำให้ได้เห็นความเป็นมาในอีกมุมหนึ่งของ Lambretta มากขึ้นด้วย

สกู๊ตเตอร์ในอดีตก็เบาไม่แพ้กัน

สำหรับการสร้างรถสกู๊ตเตอร์ขึ้นมาในยุคนั้นถือว่าเป็นจุดสำคัญของการนำมาใช้งานโดยที่ได้มีการเน้นในเรื่องของความทนทานมีน้ำหนักเบา และจะต้องมีกำลังเครื่องยนต์ที่ดีไปพร้อมกันด้วย นับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสร้างรถสกู๊ตเตอร์ขึ้นมาในยุคนั้น แต่ Lambretta M ก็ได้ถูกสร้างขึ้นมาจนสำเร็จและได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ Lambretta ไม่ได้มีเพียงแค่ประวัติอันยาวนานเท่านั้น แต่ Lambretta ยังมีรถต้นกำเนิดรวมถึงมีการผลิตขึ้นจนได้รับการกล่าวขานมาอย่างยาวนานเช่นกัน

สเปค Lambretta Model M

หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อรถรุ่นแรกของ Lambretta ที่เรียกชื่อรุ่นกันว่า Model M หรือที่รู้จักกันในชื่อรุ่น Model A กันมาแล้ว ซึ่งรถรุ่นนี้ถือว่าเป็นรถคันแรกที่ออกจากสายการผลิตที่โรงงาน Innocenti โดยได้มีการผลิตขึ้นในเดือนตุลาคมปี ค.ศ. 1947 ครั้งนั้นเปิดตัวออกมาด้วยเครื่องยนต์ขนาด 125 ซีซี นับว่าเป็นขนาดเครื่องยนต์ที่ไม่น้อยทีเดียว โดยมีการทำงานของเครื่องยนต์แบบ 2 จังหวะ เป็นเครื่องยนต์ที่ให้รอบการทำงานสูงในช่วงการขับขี่ และเป็นเครื่องยนต์ที่ระบายความร้อนด้วยอากาศ จะเห็นได้ว่าที่ตัวเครื่องยนต์ก็จะมีครีบที่จะช่วยระบายความร้อนได้เร็วขึ้น

ตัวเครื่องยนต์มีช่วงชักกระบอกสูบอยู่ที่ 58 มิลลิเมตร และมีขนาดลูกสูบ 52 มิลลิเมตร จ่ายน้ำมันด้วยชุดคาร์บูเรเตอร์ Dellorto MA16 ในรุ่นนี้ยังเป็นระบบส่งกำลังแบบ 3 เกียร์เท่านั้น ชุดคลัทช์แบบน้ำมัน ให้กำลังเครื่องยนต์ที่ 4.3 แรงม้าที่ 4,200 รอบต่อนาที ความเร็วสูงสุดที่ทำได้อยู่ที่ 65-70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถังน้ำมันมีความจุถึง 6 ลิตร และยังมีถังน้ำมันสำรองอีก 0.8 ลิตร ที่ถูกวางอยู่ใต้เบาะ มีอัตราการกินน้ำมันอยู่ที่ 39 กิโลเมตรต่อลิตร

ถือว่าเป็นรถที่มีความประหยัดอีกรุ่นหนึ่งทีเดียวสำหรับในยุคนั้น และสามารถขับขี่ในระยทางไกลได้สบาย ในตัวมิติของรถนั้น Lambretta Model M จะมีความยาวของตัวถังอยู่ที่ 1,620 มิลลิเมตร ตัวรถก็มีความสูงเพียง 880 มิลลิเมตร มีความกว้าง 650 มิลลิเมตร แต่ว่าช่วงแฮนด์มีความกว้างถึง 3,000 มิลลิเมตร มีระยะฐานล้อ 1,220 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักเพียง 55 กิโลกรัมเท่านั้น จัดว่าเป็นรถที่มีน้ำหนักไม่มากรวมถึงความสูงเองก็ไม่มาก อีกส่วนหนึ่งก็คือเรื่องของตัวระบบเบรกที่เป็นแบบดรัมเบรกทั้งหน้าและหลัง ก็เหมาะสมเพียงพอกับการใช้งานในยุคนั้นที่ต้องการความคล่องตัวไม่แพ้กัน ตัวรถจะมีระบบการทำงานที่ไม่สลับซับซ้อนทำให้ง่ายต่อการดูแลรักษาด้วย

การออกแบบโครงสร้างรถ

ส่วนในด้านของรูปทรงนั้น Lambretta Model M นั้นมีโครงสร้างที่เป็นท่อเหล็กทรงกลมทำให้ตัวรถมีความแข็งแรงและสามารถรับน้ำหนักได้เยอะ ด้านหน้าจะมีเหมือนกับช่องเก็บของ พร้อมกับมีตัวเปิด-ปิดสวิตช์เครื่องยนต์ ตัวกระทะล้อจะเป็นแบบโครเมี่ยมซึ่งมีขนาดยางเพียง 7 นิ้วเท่านั้นนับว่าเป็นขนาดที่ไม่ใหญ่  ส่วนที่บอร์ดวางเท้าจะมีแป้นแบรกหลังที่ใช้สำหรับเท้าเหยียบ ตัวบล็อคเครื่องจะถูกวางอยู่ตรงกลางของรถที่กลายมาเป็นอีกหนึ่งต้นแบบของรถสกู๊ตเตอร์จนมาถึงยุคปัจจุบันนี้

แทบไม่น่าเชื่อว่าในอดีตนั้นจะมีการสร้างรถที่มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบาเอาไว้ใช้งานจนได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับตัวรถที่มีความทนทานมากสำหรับรถในยุคนั้น ทำให้มีการส่งต่อความนิยมมาถึงยุคปัจจุบันนี้ โดยที่ยุคนี้จะมีการผสมผสานเทคโนโลยีเข้าไปเพื่อให้มีความสอดคล้องกับการใช้งานในยุคปัจจุบันมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสมรรถนะเครื่องยนต์หรือรูปแบบการใช้งานที่เปลี่ยนไปของผู้ขับขี่ที่เน้นความมีสไตล์มากขึ้นและที่สำคัญยังได้สอดคล้องกับรูปทรงที่รับกับความทันสมัยมากขึ้น ตัวรถในยุคนี้ก็จะมีแฟริ่งคลุมที่เป็นทรงท้ายหลอดอย่างที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้ ทำให้เห็นได้ว่า Lambretta ในยุคนี้ก็จะยังคงความเป็นเอกลักษณ์ด้วยทรงท้ายแบบหลอดมาถึงยุคนี้ ซึ่งในประเทศไทยก็จะยังมี Lambretta ใน Model ต่างๆออกมาให้ได้รู้จักกันมากขึ้น สายของรถสกู๊ตเตอร์ก็น่าจะชื่นชอบความคลาสสิคของ Lambretta กันอย่างแน่นอน

ข้อมูลอ้างอิง : www.lambretta.com