การเดินทางที่เรียกว่าสุดโหดได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว! บทพิสูจน์ความทนทานของเหล่าไบค์เกอร์สกู๊ตเตอร์ Lambretta กับทริปกรุงเทพฯ-กระบี่ รวมระยะทางมากกว่า 2,000 กิโลเมตร ในรูปแบบ 4 วัน 3 คืน เรื่องราวการเดินทางจะเป็นอย่างไร อ่านต่อได้ที่ด้านล่างนี้เลยครับ
การเตรียมรถ Lambretta ก่อนเดินทาง
ก่อนออกเดินทาง สิ่งสำคัญที่สุดคือการเตรียมความพร้อมของรถ Lambretta คู่ใจ โดยมีสิ่งพื้นฐานที่ต้องตรวจสอบดังนี้:
- ตรวจเช็กสภาพรถ: เพื่อความมั่นใจ ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ตรวจเช็กผ้าเบรก สภาพยางหน้า-หลัง รวมถึงลมยาง และตรวจสอบระบบไฟส่องสว่างให้พร้อมใช้งาน
- จัดเตรียมอุปกรณ์: นอกจากการตรวจเช็กรถแล้ว สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการเตรียมชุดซ่อมและอุปกรณ์สำรอง เช่น น้ำมันเครื่อง, สายพาน, สำหรับกรณีฉุกเฉิน
หรือสามารถปรึกษาและนำรถเข้ามาเช็กก่อนเดินทางได้ที่ allRIDE Lambretta ทุกสาขา
บิดคันเร่งเริ่มต้นทางการเดินทาง
13/6/2568… เริ่มต้นการเดินทางในวันแรก นัดรวมพลกันเวลาประมาณ 04:00 น. โดยจุดนัดในครั้งนี้คือปั๊ม ปตท. วังมะนาว (ขาออก) ซึ่งเป็นจุดที่สามารถเลี่ยงรถติดและออกเดินทางต่อได้อย่างรวดเร็ว ทริปนี้มีทั้ง Lambretta X300 และ Lambretta V200 เดินทางมาด้วยกัน สำหรับจุดแวะพัก เราวางแผนไว้ทั้งหมด 9 จุด แต่ละจุดมีระยะทางไม่เกิน 100 กิโลเมตร เพื่อไม่ให้เหนื่อยล้าจนเกินไป
ช่วงบ่าย เราแวะพักทานข้าวกลางวันกันที่ “ครัวคุณสาหร่าย” จ.ชุมพร ซึ่งเป็นจุดพักยอดนิยมของนักเดินทางสายใต้ ก่อนจะบิดคันเร่ง Lambretta คู่ใจมุ่งหน้าสู่ที่พักคืนแรก หลังจากอิ่มแล้วก็ถึงเวลาเดินทางกันต่อ ซึ่งตามกำหนดการเราต้องถึงที่พักเวลา 18:00 น. โดยคืนแรกเราพักกันที่ Fanari Khaolak Resort Courtyard และทานอาหารเย็นกันในตัวเมือง จุดนี้เราได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากกลุ่ม Lambretta กระบี่ ที่มาร่วมเดินทาง พร้อมมอบของที่ระลึกเป็นเสื้อของกลุ่ม จำนวน 2 ตัว เพื่อนำไปใช้ในกิจกรรม
วันที่สอง: สัมผัสเสน่ห์พังงา สู่หาดทรายกระบี่
จากค่ำคืนในพังงาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ เช้าวันใหม่ของพวกเราชาว allRIDE เริ่มต้นด้วยหัวใจที่พร้อมเปิดรับสิ่งใหม่ๆ เราขี่รถต่อจากพังงามุ่งหน้าสู่กระบี่ ระหว่างทางได้แวะ “วัดท่าไทร” เพื่อกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอพรให้การเดินทางของพวกเราราบรื่น ปลอดภัย และเปี่ยมไปด้วยความหมาย ไม่ใช่แค่เพราะความศรัทธา แต่เราเชื่อว่าการเดินทางจะสมบูรณ์ได้ หัวใจเราต้องนิ่งก่อนเครื่องยนต์จะทำงาน
จากนั้น เส้นทางได้พาเราขึ้นไปยังจุดชมวิว “เสม็ดนางชี” ทิวทัศน์เบื้องหน้าสวยงามเกินกว่าจะเอ่ยเป็นคำพูด บางครั้ง…ความประทับใจที่แท้จริงก็ไม่ต้องการคำบรรยายใดๆ เลย
แล้วเราก็ขี่ต่อไปสู่ “ชายหาดกระบี่” แสงแดดยามเย็นตกกระทบตัวรถ Lambretta ของพวกเรา ลมทะเลที่ปะทะใบหน้าไม่ใช่แค่ความเย็นสดชื่น แต่มันเหมือนกำลังบอกเราว่า “นี่แหละ…คืออิสรภาพ”
วันที่สองของการเดินทาง ไม่ใช่แค่เรื่องของระยะทาง แต่มันคือเรื่องของ “จังหวะ” ที่เราได้หยุด ได้มอง ได้รู้สึก เพราะทุกการเดินทางไม่ได้มีแค่จุดเริ่มต้นกับปลายทาง แต่มันคือสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างทาง ที่ทำให้ทุกกิโลเมตรมีคุณค่า
ขอบคุณที่ยังเดินทางไปกับเรา ที่ allRIDE พวกเราไม่ได้เพียงแค่ขี่มอเตอร์ไซค์ แต่เราขี่ไปพร้อมกับความตั้งใจที่จะสร้าง “ความทรงจำดีๆ” ให้คุณ…ในทุกวัน
วันที่สาม: ปูดำ – คาเฟ่ – สระมรกต… ความงามที่ไม่ต้องเร่งรีบ
#DAY3 หลังจากได้พักผ่อนอย่างเต็มอิ่มในกระบี่ เช้าวันที่สามเราเริ่มต้นกันด้วยรอยยิ้ม บรรยากาศของเมืองเล็กๆ ริมทะเลที่ยามค่ำคืนเต็มไปด้วยแสงสี แต่ยามเช้ากลับสงบราวกับหลับใหล เราเชื่อว่าการเดินทางที่ดีไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ มันคือการ “ใช้เวลา” กับสถานที่ ผู้คน และกับตัวเอง
จุดแรกของวัน เราไปกันที่ “อนุสาวรีย์ปูดำ” แลนด์มาร์กที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเมืองนี้ ภาพของลูกค้าที่ยืนถ่ายรูปคู่กับเจ้าปูดำยักษ์ โดยมีภูเขาหินปูนตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหลัง มันไม่ใช่แค่ภาพถ่าย แต่มันคือภาพของความทรงจำ
จากนั้นเราเดินทางต่อไปยังคาเฟ่ชื่อ “Into the Forest” ที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา บรรยากาศที่นี่ทำให้เรารู้สึกว่ากระบี่ไม่ได้มีแค่ทะเล แต่ยังมี “ชีวิต” มีป่า มีเขา และมีเสน่ห์เฉพาะตัวที่หาที่ไหนไม่ได้ หลายคนบอกกับเราว่า “อิจฉาคนกระบี่จัง” ไม่แปลกใจเลย เพราะที่นี่มีทั้งธรรมชาติ ความสงบ และความงามที่ยังคงบริสุทธิ์
ท้ายที่สุดของวัน เราขี่รถต่อไปยัง “สระมรกต” ธรรมชาติที่งดงามจนเหมือนหลุดเข้าไปในอีกโลกหนึ่ง เสียงน้ำไหลเบาๆ น้ำใสจนมองเห็นพื้นเบื้องล่าง เป็นสีเขียวมรกตที่ไม่มีฟิลเตอร์ไหนเทียบได้ ลูกค้าได้ลงเล่นน้ำคลายร้อนอย่างสนุกสนาน และเรา allRIDE ในฐานะเพื่อนร่วมทาง ก็รู้สึกอิ่มเอมใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความสุขนี้
ทุกจุดในวันนี้ ไม่ได้เป็นเพียง “สถานที่ท่องเที่ยว” แต่มันคือบทหนึ่งในหนังสือเดินทางเล่มพิเศษ ที่เขียนขึ้นจากมิตรภาพ ความจริงใจ และการดูแลซึ่งกันและกันระหว่างทาง ที่ allRIDE เราไม่ได้ขี่ไปเพราะอยากถึงจุดหมายเร็วที่สุด แต่เรา “ขี่ไปเพื่อใช้เวลา” กับทุกคนที่เดินทางร่วมกับเรา
วันที่สี่: เดินทางกลับ…ด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยม
#DAY4 (16/6/2568) วันสุดท้ายของทริปมาถึง หลังอาหารเช้าที่กระบี่ เราเริ่มต้นขี่รถกลับมุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ แม้ถนนจะยาวและไกล แต่ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างเราและลูกค้ากลับรู้สึกใกล้ชิดกันมากขึ้นกว่าเดิม
เสียงเครื่องยนต์ของ Lambretta ที่เราเคยฟังอย่างตื่นเต้นในวันแรก วันนี้กลายเป็นเสียงที่เราคุ้นเคยและผูกพัน จากคนแปลกหน้ากลายเป็นมิตร จากตัวแทนจำหน่ายกลายเป็นเพื่อนร่วมทางที่รู้ใจ
สุดท้าย เราก็เดินทางถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ อาจจะเหนื่อยบ้าง ล้าบ้าง แต่หัวใจของทุกคนกลับเปี่ยมไปด้วยความสุข เพราะเราเชื่อว่าการเดินทางที่ดีที่สุดไม่ได้จบลงที่จุดหมาย แต่มันจบลงที่ “ความทรงจำดีๆ” ที่เราได้ร่วมสร้างไปด้วยกัน
ขอบคุณทุกความไว้วางใจที่มอบให้เรา allRIDE จะไม่หยุดอยู่แค่การเป็นตัวแทนจำหน่าย แต่เราจะเป็นเพื่อนเดินทางในทุกเส้นทางชีวิตของคุณ
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ผมขอพูดถึงเรื่องการใช้รถ Lambretta ในการเดินทางกันบ้างครับ
สรุปการใช้งานรถ Lambretta ในทริปนี้
- สมรรถนะเป็นอย่างไร? ต้องบอกเลยว่าเครื่องยนต์ของ Lambretta มีความทนทานมาก เพราะในเส้นทางที่ยาวกว่า 2,000 กิโลเมตร ย่อมมีโอกาสที่เครื่องยนต์จะเกิดปัญหาได้ แต่สำหรับ Lambretta แล้ว กลับให้อัตราเร่งที่ดีและเพียงพอต่อการเดินทางไกล ซึ่งในทริปนี้ต้องใช้ความเร็วเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 110 กิโลเมตร/ชั่วโมง นับเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ที่ยากและโหดสำหรับ Lambretta อย่างยิ่ง
- Lambretta V200: แม้จะเป็นเครื่องยนต์ขนาดเล็ก แต่การเดินทางด้วยความเร็ว 90-100 กม./ชม. ก็สามารถทำได้ดีไม่แพ้รุ่นพี่เลย
ขี่ไกลๆ แล้วเมื่อยไหม?
การขี่รถทางไกลแน่นอนว่าย่อมมีอาการเมื่อยเป็นปกติ ไม่ใช่แค่ Lambretta เท่านั้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการวางแผนจุดพักของแต่ละคน ว่ามีการวางแผนพักทุกๆ กี่กิโลเมตร
เจอปัญหาอะไรบ้าง?
ต้องบอกเลยว่าหลังจากใช้ Lambretta ในการเดินทางครั้งนี้ ปัญหาหลักที่พบมีเพียงเรื่องของความเมื่อยล้าเท่านั้น ส่วนปัญหาเกี่ยวกับเครื่องยนต์แทบไม่พบเลย แต่อยากแนะนำว่าหากต้องเดินทางไกล ควรหมั่นเช็กระดับน้ำมันเครื่องเป็นระยะ เพราะการเดินทางไกลด้วยความเร็วสูงต่อเนื่อง น้ำมันเครื่องก็ย่อมมีโอกาสพร่องลงได้เป็นธรรมดา
การควบคุมรถและช่วงล่าง
ช่วงล่างของ Lambretta มีความกระชับอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อต้องเข้าโค้งในเส้นทางภาคใต้ ทำให้มั่นใจในทุกการขับขี่ แม้บางคันจะมีกล่องหลังและมีคนซ้อนท้าย Lambretta ก็ยังเอาอยู่


