ยางของมอเตอร์ไซค์เป็นชิ้นส่วนอะไหล่ที่ไม่ว่าจะเป็นรุ่นไหนหรือแบบไหน ยางก็คือชิ้นส่วนอันดับต้นๆ ของรถเลยก็ว่าได้ ยางจะมีหน้าที่ในการยึดเกาะถนนและคอยซับแรงกระแทกให้กับผู้ขับขี่ ไม่ว่าสภาพถนนจะเป็นอย่างไรจะพื้นเปียกหรือว่าพื้นแห้ง ยางก็จะต้องทำหน้าที่ในการยึดเกาะถนนไปตามหน้าที่ ส่วนจะยึดเกาะมากหรือน้อยนั้นลายดอกยางก็มีส่วนสำคัญ
แต่ที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือตัวเนื้อยางและโครงสร้างของยางที่ถูกนำมาผลิตหรือมาใช้ ดังนั้นยางบางรุ่นบางยี่ห้อราคาจึงมีความแตกต่างกันไป แต่ส่วนมากจะไม่มียางค่ายไหนที่ให้ข้อมูลในเรื่องของโครงสร้างมากสักเท่าไหร่ จริงๆ ก็อาจจะไม่ได้เป็นความลับอะไร เพียงแต่เมื่อฟังแล้วก็อาจจะเข้าใจยากสักนิดหนึ่งเท่านั้นเอง และเมื่อใช้งานไปนานๆ แล้วก็ย่อมมีการเสื่อมสภาพไปตามลักษณะการใช้งาน และที่หลายคนเคยเจอหรืออาจจะยังไม่เคยเจอนั่นก็คือเรื่องของ “ยางบวม” แล้วยางบวมเกิดขึ้นได้อย่างไรและจะเกิดขึ้นกับทุกเส้นหรือไม่นั้นลองมาดูกัน
ยางบวม จริงก็อาจจะไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยนัก เพราะว่าถึงเวลาเรามักเปลี่ยนก่อนที่ยางจะบวม และเชื่อได้ว่าเมื่อไหร่ที่เห็นยางบวมก็คงไม่มีใครทนฝืนที่จะใช้ต่ออย่างแน่นอน เพราะจะเกิดอันตรายอย่างมากทีเดียว “แล้วทำไมยางถึงบวมนะเหรอ…!” สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ยางบวมมาจากการกระแทก หรือการขับขี่ตกหลุมอยู่บ่อยๆ ซึ่งการตกหลุมบ่อยๆ อยู่เป็นประจำจะทำให้โครงสร้างยางเกิดความเสียหายได้
การตกหลุมบ่อยๆ จะค่อยๆ ทำให้โครงสร้างของยางนั้นเสียหายทีละนิดจนทำให้กลายเป็นแผลใหญ่ ซึ่งไม่สามารถรู้ได้เลยว่าโครงนั้นจะเสียหายมากน้อยขนาดไหนหรือว่าจะเกิดความเสียหายในจุดไหนของยางบ้าง แต่ส่วนที่พบความเสียหายบ่อยที่สุดก็คือส่วนที่เป็นแก้มยาง เพราะแก้มยางจะเป็นส่วนที่มีความแข็งแรงของโครงสร้างน้อยที่สุด พร้อมกับต้องให้ความยืดหยุ่นกับตัวยางมากที่สุดด้วย ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ผ่านทางขรุขระหรือขับขี่ในโค้งแก้มยางจะเป็นตัวที่ยืดหยุ่นได้ดีที่สุด เมื่อโครงสร้างภายในถูกกระแทกซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น จนทำให้เกิดความเสียหาย ลมที่อยู่ภายในยางก็จะค่อยๆ ซึมไปตามโครงสร้างของยาง จนทำให้เกิดลมยางดันยางในส่วนนั้นออกมามากกว่าปกติ จนยางบวมออกมาเป็นลูกมะกรูด เมื่อนั้นถึงจะรู้ได้ว่าโครงสร้างเกิดความเสียหายแล้ว
ยางหมดอายุก็มีโอกาสที่ยางจะบวม
อีกหนึ่งสาเหตุที่ส่งผลให้เกิดการบวมของยางได้นั้นก็คือ สภาพของยางที่หมดอายุ ซึ่งอายุของยางนั้นส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับการใช้งานด้วย บางคนปล่อยให้ลมยางภายในอ่อนอยู่เป็นประจำ เมื่อลมอ่อนและเกิดการกระแทกอยู่เรื่อยๆ จากยางที่ไม่ตึงอยู่แล้วก็จะทำให้โครงสร้างภายในนั้นเกิดการบิดตัวมากขึ้นและเกิดความเสียหายได้เช่นกัน
เมื่อโครงสร้างเกิดความเสียหาย ก็จะเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดอาการยางบวมได้ ดังนั้นการตรวจเช็กลมยางจึงเป็นสิ่งสำคัญ สเปคการเติมลมยางสามารถดูได้ที่คู่มือของรถ หรือป้ายเพลทที่อยู่ช่วงสวิงอาร์ม สามารถสังเกตเห็นได้ไม่ยาก ตรงนั้นจะมีสเปคการเติมลมยางบอกเอาไว้สามารถเติมลมยางได้ตามที่บอกเอาไว้เลย ถึงแม้จะเปลี่ยนยางถ้าเป็นยางสเปคเดียวกันก็สามารถเติมลมยางได้ตามสเปคเดิม
และนี่ก็เป็นสาเหตุหลักๆ ของการทำให้เกิดอาการยางบวมเป็นลูกมะกรูด แต่ถ้าหากบวมไม่มากก็พอจะมีวิธีซ่อมได้ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่แนะนำเพราะจะเป็นอันตรายมาก ถ้าต้องเดินทางไกลก็ควรหายางเปลี่ยนแทน อาจจะเป็นยางเปอร์เซ็นต์มาใส่จะปลอดภัยกว่า ถ้าฝืนใช้ต่อไปแรงดันลมยางที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ลมก็จะเริ่มขยายตัวมากขึ้น และแน่นอนว่าเมื่อแรงดันลมยางขยายตัวมากขึ้น ลมยางก็ต้องหาทางออก นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการระเบิดได้นั่นเอง
ดังนั้นทางที่ดีที่สุด ก็คือการตรวจเช็กสภาพยางอยู่เรื่อยๆ อาจจะไม่ต้องดูทุกวันแต่ก็เพียงค่อยสังเกตความผิดปกติของยางเท่านั้นเอง และพยายามหลีกเลี่ยงการขับขี่ผ่านหลุมหรือตกหลุมลึกๆ หรือการขับขี่เบียดขอบทางฟุตบาท แค่นั้นก็พอจะช่วยไม่ให้ยางเกิดอาการบวมได้ และจะช่วยให้ยางมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น
ยางคือส่วนสำคัญที่ละเลยไม่ได้ ถ้าหากถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนก็ควรจะเปลี่ยน ส่วนจะเปลี่ยนเมื่อไหร่นั้นขึ้นอยู่กับการใช้งานเป็นหลัก ถึงแม้ยางจะมีดอกลึกแต่ผลิตมานานแล้วก็ไม่ควรเอามาใส่ เพราะยางจะแข็งและจะไม่ยึดเกาะถนนและไม่มีความยืดหยุ่นอะไรแล้ว เช่นเดียวกันถ้ายางใส่มาไม่นานแต่ว่าใช้งานบ่อยดอกยางสึกก็ควรจะเปลี่ยนเช่นเดียวกัน ที่สำคัญโครงสร้างยางพวกนี้ก็จะสึกหรอตามไปด้วยครับ
